รูปภาพประกอบ |
ชาวไทยปลื้มใจ! ท่าน แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใน ฐานะหัวหน้าพรรค ท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะวิทยากรร่วมบรรยาย และท่าน เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีและ ท่าน สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวเลขาธิการ พรรคเพื่อไทย นั่งรถไฟขบวนพิเศษขากหังลำโพงไปหัวิหิน เพื่อประชุมและวางงาน(ยุทธศาสตร์ชาติ 2 ปี) ให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีตามระบบของ ประชาธิปไตย ของ(พรรคเพื่อไทย) ตามข่าว
ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กทม. เมื่อเวลา 08.09 น.ของ วันที่ 13 ธ.ค. 2567ผู้สื่อรายงานเข้ามาว่า (พรรคเพื่อไทย (พท.) นัดรวมตัวสมาชิกพรรค ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษ ROYAL BLOSSOM ไปสัมมนาที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตามโครงการเสริมศักยภาพ สส. และบุคลากรทางการเมือง ระหว่างวันที่ 13-14 ธ.ค.2565)
โดยมีท่าน แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ฐานะหัวหน้าพรรค ท่าน ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะวิทยากรร่วมบรรยาย และ ท่าน เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สส. และสมาชิกพรรค เข้าร่วมกันพร้อมเพรียง อาทิเช่น ท่าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ท่านสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม ท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ท่าน สรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ท่าน สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม ท่าน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ท่าน เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ท่าน มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม รวมถึง สส. และ สก. รวมท่าน เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ทันทีที่เดินทางมาถึงสมาชิกพรรคต่างเข้ามาทักทายพูดคุยและขอถ่ายภาพคู่ รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้งรองนายกฯ รัฐมนตรี สส. สมาชิกพรรค บุคลากรของพรรค เข้าร่วมการสัมมนาอย่างพร้อมเพียง
ท่าน นายกฯ แพทองธาร เป็นประธาน เปิดงานสัมมนาว่า...
วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่มาเจอกัน ถือเป็นโอกาสพิเศษ ที่ มีนายกฯ 3 คน มารวมตัวกัน วันนี้รู้สึกอบอุ่นเหมือนมากับครอบครัว มากันพร้อมหน้า ต้องขอขอบคุณทีมงานหลังบ้านของพรรคเพื่อไทยทุกทีม ที่เตรียมงานครั้งนี้ นานๆ มีครั้งแต่เรารู้สึกอบอุ่น "ดิฉันเป็นนายกฯมา 90 วัน แต่เป็นหัวหน้าพรรคมา 1 ปี 1 เดือน มีความผูกพันกับพรรคอย่างมาก ได้เห็น สส.หลายท่านพัฒนาตัวเองอย่างมาก เช่น การอภิปรายในสภาฯเป็นดาวสภาฯ ทำให้อยู่ในสายตาของคนทั้งประเทศ และการก่อตั้งทีมอคาเดมีของพรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยขาดหายไป ต้องขอบคุณทีมอคาเดมีที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่า สส.รุ่นไหน อย่าคิดว่าเราอยู่กันคนละฝั่ง อยากให้ทุกคนเข้าหากัน ให้ความรู้กัน ถ้าเราจะมีพลังคือเราต้องร่วมกันต่อสู้ นั่นคือสิ่งที่อยากเห็นในอนาคต" แพทองธาร กล่าว
แพทองธาร กล่าวต่อว่า และในฐานะหัวหน้าพรรคยืนยันว่า สส.ในทุกพื้นที่มีความสำคัญหมด เพราะติดต่อกับประชาชนโดยตรง ขอให้ทำพื้นที่ให้ดีที่สุด และ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็ต้องช่วยกัน เพื่อก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ ดีใจที่ได้มารวมตัวกัน จากนี้จะขอปรับปรุงตัว แบ่งเวลาให้ดีขึ้น จะได้คุยกันให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพรรคหรือการประชุมสภาฯจะได้เจอกันบ่อยขึ้น
ต่อมา เศรษฐา อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามาที่นี่มีนายกรัฐมนตรีมาด้วยกัน 3 คน แต่ไฮไลท์ที่สำคัญคือคนสุดท้าย ทุกคนคงใจจดใจจ่อจะฟังเรื่องดี ๆ ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา กลับ ไปทำธุรกิจ ไม่ได้ทำงานการเมืองเลย
พร้อมเล่าถึงการตัดสินใจมาเป็นนักการเมืองได้รับการต้อนรับจากพี่น้องเพื่อไทยอย่างอบอุ่น
ท่านอดีตนายกฯ เศรษฐา กล่าวว่า... นายกรัฐมนตรีมีความเหน็ดเหนื่อย มีความทุ่มเท มีความเสียสละ ช่วงเวลาที่ไปหาเสียง มีเหตุการณ์ที่ตนเองต้องตกใจ เพราะนายกฯแพทองธาร บอกว่า หายใจไม่ออก หายใจไม่ทัน ต้องพาออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราเองไม่ทราบว่าความกดดันของการที่ต้องมายืนตรงนี้ มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และจนวันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีความทุ่มเทมากน้อยขนาดไหน
(ช่วงที่ผมเป็นนายกฯ ก็พูดคุยกับ แพทองธาร มาตลอด ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อให้ช่วยคุยกับสมาชิกของพรรคในการแก้ปัญหาต่างๆ และนำปัญหาต่างๆ มาแก้ไข แม้ว่าจะมีการจัดให้พบปะกัน เพื่อรับฟังปัญหานำไปแก้ไข ซึ่งถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นช้า แต่ก็เชื่อว่ามีการพัฒนาตรงนี้ได้อย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นความตั้งใจจริงของรัฐบาล ขณะที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมดีใจ ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากทุกคน หรือท่านนายกฯ การขับเคลื่อนต่าง ๆ ก็คงเกิดขึ้นได้ลำบาก) เศรษฐา กล่าว อดีตนายกฯ เศรษฐา กล่าวอีกว่า วันแรกที่พ้นจากตำแหน่ง ตื่นเช้ามาก็งงๆ นิดหน่อย แต่พอตื่นมาแล้วทุกอย่างก็ไหลลื่นไป และสิ่งที่ผมทำคือ เชิญรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาพูดคุย เพื่อมอบหมายงาน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 - 7 วัน ก็สำเร็จ จากนั้นก็เดินทางไปต่างประเทศ และหลังพ้นตำแหน่งวันแรกสื่อมวลชนพยายามขอสัมภาษณ์ แต่ผมต้องพูดตรงๆ จากใจ ว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะ เพราะวันที่ลุกจากตำแหน่งไปแล้ว มีคนใหม่มาแล้ว วิธีการทำงาน หลักการคิด หลักการทำงานนโยบายที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ต้องให้เกียรติท่าน" อดีตนายกฯ กล่าว
อดีตนายกฯ เศรษฐา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนอย่างดีพอสมควร จากพวกท่าน สส.ทุกคน นำพารัฐบาล
ที่มีการนำและมีพรรรคร่วมรัฐบาลที่ค่อนข้างจะเหนื่อยก็ต้องยอมรับ แต่ถือว่าบริหารจัดการได้ดีพอสมควร ซึ่งต้องช่วยเหลือกัน ในการผลักดันผลงาน กรณีของธนาคารแห่งประเทศไทยเอง ก็ตอบรับความร่วมมือที่ดี เชื่อว่าเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว "นายกรัฐมนตรีปัจจุบันนั้นเหมาะสมที่สุดที่ยืนอยู่ตรงนี้ และสมควรอย่างยิ่งที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากพวกท่าน แน่นอนว่า 141 จาก 500 เสียง เป็นอะไรที่ล่อแหลมมาก เราทำได้เยอะขนาดนี้ ก็ถือว่านายกรัฐมนตรีเก่งมากแล้ว" "ผมเคยพูดไปแล้วว่า สนามหญ้าข้างบ้าน อาจจะดูเขียวกว่าบ้านของเรา หากมองข้ามรั้วไป หญ้าเขียวท่านก็ยังไปอยู่บ้านนั้น แต่ใต้หญ้าเขียวๆ มีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า มีหลุมมีอะไรพรางอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เชื่อว่าแม้บ้านเราสนามหญ้าเขียวไม่เท่า มีหลุมมีบ่อบ้าง แต่ท่านเห็น เรามาช่วยกันอุดมาช่วยกันปิด มาช่วยกันเอาหญ้ามาเสริมจะดีกว่า สร้างบ้านหลังนี้ให้แข็งแรงให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น" เศรษฐา กล่าวช่วงท้ายว่า อยู่มา 2 ปี ก็มั่นใจว่าบ้านหลังนี้ เป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแกร่ง มีแต่พรรคเราที่เป็นแบบนี้ ท่านนายกฯทักษิณ กลับมาแล้ว ท่านมาช่วยเราคิดนโยบาย วันนี้ก็ต้องสนับสนุนท่านนายกฯแพทองธาร
จากนั้น ท่าน ดร.ทักษิณ ได้ขึ้นกล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ (สถานการณ์ทิศทางโลกและการปรับตัว) ซึ่งได้ลงในรายละเอียดทั้งนโยบายของรัฐบาล การมองภาพรวมความเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน โดยระบุว่า ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือการที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กลับมา เราต้องระวังเรื่องการขึ้นภาษี รวมถึงกรณีที่โดนัลด์ จะใช้หนี้อเมริกาจากบิทคอยน์ เทรนด์เป็นเช่นนั้น มีเงินคริปโตหลายสกุลออกมาแล้ว มีคนบอกว่าอีกหน่อยเราจะมีสกุลเงินมากกว่าจำนวนประเทศ วันนี้คนไทยต้องคิดจะรู้ทันมันให้ได้
ท่านดร.ทักษิณ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีอาจจะมอบให้ทางกระทรวงการคลังไปศึกษาเพื่อรับ บิตคอยน์ ได้หรือไม่ ใช้แซนด์บอกซ์ในแหล่งท่องเที่ยว เช่น จ.ภูเก็ต หรือหัวหิน ได้ไหม ใช้บิตคอยน์เพื่อให้คนถือบิตคอยน์มาใช้เป็นเงิน อีกเรื่องที่น่าติดตามคือเหรียญที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (stablecoin) ซึ่งนายกรัฐมนตรีอาจจะให้กระทรวงการคลังศึกษา ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยไม่ต้องพิมพ์แบงก์ที่ไหน ด้วยการออกคอยน์ โดยมีบอร์นของรัฐบาลค้ำประกัน เพื่อทำให้เงินไหลเวียนในเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโตแน่ ถ้าทำแบบนี้เชื่อว่าจีดีพีปีหน้า 3.5 % ไม่น่าจะมีปัญหา และในปี 2569 หากจีดีพี 4.0 % ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ยังไม่พอใจ เพราะถ้าจีดีพีไม่ถึง 5 % เราจะด้อยกว่าประเทศอื่นในอาเซียน
ท่านดร.ทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้เม็ดเงินในเศรษฐกิจเราถูกดูดออกหมด เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ไม่ออกกู้ เราต้องหาเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยไม่ทำให้เกิดปัญหาของประเทศ วันนี้หนี้สาธารณะเราเยอะมาก ฉะนั้น เราต้องทำให้ GDP เติบโต และลดการขาดดุล เพื่อทำให้หนี้สาธารณะลดลง พรรคเพื่อไทยเราต้องทำให้ได้ โดยปีหน้าจะเป็นปีแห่งโอกาสของคนไทย วันนี้งบประมาณปีหน้าเป็นปีที่เราจะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ ต้องลดหนี้สาธารณะลงให้ได้และต้องให้รัฐวิสาหกิจที่มีหนี้เยอะ ออกพ้นจากรัฐวิสาหกิจ เอาเอกชนมาลงทุนแทนรัฐ เช่น การลงทุนป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯ เราก็ต้องหาทางทำแต่จะทำอย่างไร ถ้ารัฐไม่มีเงิน งบลงทุนมันต่ำ ก็ต้องให้เอกชนมาลงทุน เอกชนต้องคิดว่าเขาจะทำประโยชน์คุ้มค้าหรือไม่ ต้องไปดูตรงนี้
เราพูดเรื่องการผูกขาด เรื่องไฟฟ้า เรามีหน่วยงานของรัฐ แต่ทุกคนต้องมีสวัสดิการของตัวเอง ทำให้ค่าไฟฟ้าของเรามีราคาแพง เราไม่ควรเห็นเลข 4 บาท เลข 3 บาทปลายก็ไม่ควรเห็น ต้องอยู่ 3 บาทกลางๆ เพราะประชาชนอยู่ไม่ได้คลังพูดเรื่องการขึ้นภาษี VAT 15% ช็อกกันทั้งประเทศ แต่การพูดต้องพูดทั้งระบบให้เห็นว่าไทยวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโลก เช่น วันนี้คนที่มาลงทุนไทย บีโอไอให้สิทธิพิเศษทางภาษี 0% ไม่เก็บภาษีเขา แต่เขาต้องไปจ่ายภาษีที่บ้านเขา 15% กติกาสากลให้เก็บภาษีขั้นต่ำ 15% วันก่อนบริษัทที่
ดร.ทักษิณ กล่าวถึงกรณี VAT 15% ว่า พวกเราพูดเร็ว หรือพูดไม่ครบทำให้คนงง อย่าง รมว.ได้รับบีโอไอมาหาตน ตนบอกว่าถ้าไอเก็บยู 15% ยูไม่ต้องจ่ายที่บ้านยูโอเคไหม เขาบอกว่าจ่ายที่ไทยหรือจ่ายที่นู่นเท่ากัน แล้วจ่ายที่ไทยจะได้อะไรตนบอกว่าแน่นอน จะมีวิธีการลดภาษีให้คุณเอา 15% มาใช้จ่ายในประเทศไทย ทั้งการขยายโรงงาน การอัพเกรดเครื่องจักร ให้เป็น Green Factory เขายินดีหมด
“เมื่อ 2 วันก่อนเห็นข่าว มีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรคหลบ ป่วย อย่างนี้ ไม่ไปด้วยกันมาด้วยกัน ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกัน วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง อย่าหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ส่วนตัวผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมาง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆหลบมือออก ไม่ได้ เราต้องตรงไปตรงมา”
ท่านอดีตนายกฯ กล่าวต่ออีกว่า เราต้องทำงานร่วมกันจริงๆ มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาลคือต้องทำ ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้วไม่เอาแล้ว รัฐบาลนี้เป็นกลไกประชาธิปไตย เรามีหลายออปชั่น การทำงานร่วมกันนั้นไม่ยากเลย ตอนหนึ่งถึงประเด็น MOU 44 อดีตนายกฯ กล่าวว่า สมัยที่ตนเป็นนายกฯ เรื่องนี้เป็นการเซ็นร่วมกันระหว่าง รมว.ต่างประเทศ ไทย กับ กัมพูชา เพื่อคุยกันเรื่องที่เราไม่ได้คุยกันเรื่องที่เราคุยกันไม่ได้ คือเรื่องการลากเส้นเขตแดนทางทะเลของแต่ละประเทศที่ไม่ตรงกัน ซึ่งต้องอ้างกฎหมายระหว่างประเทศ
ท่าน อดีตนายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องเกาะกูดที่คนบอกจะเอาไปให้เขา คนพูดไม่ได้ดูเนื้อหาสาระ เกาะกูดเป็นของไทยตั้งนานแล้วอยู่ในสนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส มันชัดเจนแล้ว แต่วิธีลากเส้นของกัมพูชาไม่ถูก เรามั่นใจวิธีเราถูกกว่า แต่สุดท้ายไม่เป็นไรเรามาคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลงว่าคืออะไรกัน แค่วางกรอบ แต่วันนี้โวยวายกันใหญ่
"ต้องถามว่าพลังงานที่อยู่ในทะเลอีกสัก 20 ปีใช้ไม่ได้แล้ว อีก 20 ปีจะทิ้งทรัพย์สินตรงนี้สัก 4 ล้านล้านบาท ถ้าตกลงกันได้ซึ่งมี 2 ส่วนคือผลประโยชน์ในทะเลและบนบกที่ไม่มีปัญหาทำให้ยังไม่จบต้องคุยกัน ซึ่งการปักปันเขตแดนทุกด้านมีปัญหาหมดแต่เราอยู่ร่วมกันอย่างนี้ เพียงแต่เรื่องเขตแดนมันไม่จบ ต้องคุยกันด้วยหลักสากล เรื่องนี้คือตกลงจะคุยเรื่องที่เรายังไม่ตกลง อย่าเพิ่งโวยวายไม่มีใครขายชาติหรอก"
ท่านดร.ทักษิณ กล่าวว่า ยืนยันเรื่องบนบกไม่ต้องเถียงจบไปนานแล้ว มันเหลือแต่เส้นทางทะเล แต่วันนี้เถียงกันแทบตายแต่คนที่ได้ประโยชน์คือคนที่ได้สัมปทานเดิม อย่างไรก็ตามการเป็นเพื่อนดีกว่าเป็นศัตรู แต่หลักการประเทศต้องมาก่อน ไม่ใช่เป็นเพื่อนแล้วบอกยกประเทศให้เพื่อนท่านดร.ทักษิณ ชินวัตรกล่าวตามข่าว...
(กรวีรย์ มหาชน – รายงาน / ปอร์ คุ้มพระลอ – เรียบเรียง)นสพ.ข่าวอาชญากรรมออนไลน์นำเสนอข่าวเข้าไปดูข่าวได้ที่...www.maemoeipost.com