รูปภาพประกอบ |
ชาวบ้าน เลอตอ ต.แม่ตื่น อ.แม่ระมาด จ.ตาก ปลื้มใจ มีความหวัง ได้ใช้เส้นทางขนส่ง พืชผลเกษตรออกมายังจังหวัดเชียงใหม่ และ พื้นที่อื่นๆได้ทุกฤดูกาล เพื่อความสะดวกมากขึ้น รวมระยะทาง 70 กิโลเมตร
สำหรับโครงการหลวงเลอตอ นับเป็นโครงการฯแห่งล่าสุด ซึ่งมูลนิธิโครงการหลวงได้เข้ามาส่งเสริมอาชีพ เพื่อให้ราษฎรที่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเป็นการแก้ปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่น ในพื้นที่รอยต่อของจังหวัดตากกับจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากประสบความสำเร็จในการทดลองปลูกพืชผักและผลไม้เมืองหนาว ในพื้นที่โครงการหลวงเลอตอ อ.แม่ระมาด จ.ตาก โครงการขับเคลื่อนไปด้วยดี โดยมีนายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอแม่ระมาด และ คุณนงคราญ ปัญญาคม กิ่งกาชาดอำเภอแม่ระมาด (ภริยา) ล่าสุดมีชาวบ้านเข้าร่วมโครงการ 49 ครอบครัว จากช่วงเริ่มต้นที่มีเพียง 10 ครอบครัว นายสมชาย เขียวแดง ผู้อำนวยการสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ และ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เผยว่ามูลนิธิโครงการหลวงได้เตรียมกล้าเสาวรสพันธุ์หวานไว้จำนวน 10,000 กล้า เพื่อส่งเสริมให้ชาวบ้านได้ปลูกช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ในพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ และคาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือนมิถุนายน โครงการประสบความสำเร็จแล้ว ในการทดลองปลูกพืชผักและผลไม้เมืองหนาว มูลนิธิโครงการหลวงมองเห็นถึงปัญหาสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้มีเส้นทางขนส่ง พืชผลเกษตรออกมาได้ทุกฤดูกาล
ผู้สื่อข่าวรายงานเข้ามาจากกระทรวงคมนาคมเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 60 เข้ามาว่า หลังจากเสร็จการประชุมกระทรวงคมนาคม ทางคณะกรรมการเห็นชอบการปรับปรุงเส้นทางทางหลวงหมายเลข 105 แม่สอดแม่สะเรียง ตรง (แยกบ้านไร่หมู่ 2 ) ต.ขะเนจื้อ อ.แม่ระมาด จ.ตากและ เส้นทางบ้านแม่ตื่นน้อย ต.ม่อนจอง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ – บ้านเลอตอ ต.แม่ตื่น อ.แม่ระมาด จ.ตาก รวมระยะทาง 70 กิโลเมตร โดยมีมูลนิธิโครงการหลวงยื่นข้อเสนอขอ งบประมาณสร้างถนนจากกระทรวงคมนาคม ผ่านคณะกรรมการคณะกรรมการ เห็นชอบกับการขอสร้างทางเส้นนี้ สำหรับ นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทไปศึกษาแนวทางปรับปรุงเส้นทางพร้อมทั้งสำรวจออกแบบรวมทั้ งวงเงินงบประมาณเพื่อนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง ครั้งต่อไปในเดือนมีนาคม 2560 ซึ่งมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมในเดือนนั้น ซึ่งโครงการหลวงนี้เป็นการส่งเสริมให้ชาวเขาหันมาปลูกพืชผลทางการเกษตรแทนการปลูกฝิ่น และ การทำลายป่าเป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน เห็นก็ควรต้องมีเส้นทางขนส่งพืชผลเกษตร ออกมายังจังหวัดเชียงใหม่ หรือ พื้นที่อื่นๆ เพื่อมีความสะดวกมากขึ้น เพื่อจะได้ใช้เส้นทางนี้ขนส่งได้ทุกฤดูกาล เพราะปัจจุบัน สภาพถนนยังเป็นลูกรัง ไต่ไปตามไหล่เขา ใช้ได้เฉพาะฤดูแล้ง ไม่สามารถใช้ฤดูฝนได้เพราะฝนตกมาถนนลื่น เสี่ยงต่ออันตรายมาก นอกจากนี้ยังมอบหมายให้สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 10 เชียงใหม่ไปศึกษาสำรวจเส้นทางบ้านแม่ตื่นน้อยมา ส่วน เส้นทางหลวงหมายเลข 105 ตนได้มอบหมายให้สำนักสำรวจและออกแบบ ทางหลวงชนบทไปสำรวจมาแล้ว อย่างไรก็ตามแบบการก่อสร้างต้องเป็นไปตามมาตรฐานของการออกแบบขั้นต่ำ สำหรับทางหลวง เนื่องจากถนนเส้นดังกล่าว เป็นเส้นทางภูเขาความสามารถในการสร้างถนนน่าจะมีความกว้างประมาณ 4-5 เมตร ซึ่งทางการจะพยายามทำลายบุกรุกป่าให้น้อยที่สุด ที่สำคัญทางมูลนิธิต้องไปเจรจาขอ อนุญาตกับกรมป่าไม้ ให้ได้รับการอนุญาต จึงจะดำเนินการได้ต่อไปดังกล่าวตามข่าว(มดตะนอยแม่จะเรารายงาน)นสพ.แม่เมยโพสต์นำเสนอข่าวเข้าไปดูบนมือถือของท่านได้ที่...www.maemoeipost.com